Monday, November 28, 2005

ความดีความชอบ

ความดีความชอบ

ในวันที่ 12 กันยายน 2505 จอห์น เอฟ. เคนเนดี้พูดที่มหาวิทยาลัยไรซ์ เนื้อความทำนองนี้ :

"หากเราย่อส่วนอารยธรรมห้าหมื่นปีของมนุษย์ลงเป็นห้าสิบปี เราแทบไม่รู้อะไรเลยในช่วงสี่สิบปีแรก นอกจากทำเครื่องนุ่งห่มจากหนังสัตว์ สิบปีที่แล้วมนุษย์เพิ่งออกจากถ้ำมาสร้างบ้านเรือน เพียงห้าปีก่อนเราเรียนรู้วิธีการเขียนและสร้างเกวียน คริสต์ศาสนาเพิ่งถือกำเนิดเมื่อสองปีที่ผ่านมา ระบบสิ่งพิมพ์เพิ่งมีเมื่อปีที่แล้ว ไม่ถึงสองเดือนที่ผ่านมาเราเพิ่งจะมีเครื่องจักรไอน้ำ และนิวตันพบกฎแรงโน้มถ่วง เดือนที่แล้วนี่เองเราเพิ่งเริ่มใช้แสงสว่างจากไฟฟ้า โทรศัพท์ เครื่องบิน สัปดาห์ก่อนเราพัฒนาเพนนิซิลิน โทรทัศน์ และพลังงานปรมาณู และขณะนี้ยานอวกาศของเรากำลังเดินทางไปดาวพระศุกร์ เราจะไปถึงดวงดาวไกลโพ้นก่อนเที่ยงคืนวันนี้..."

แน่นอนมนุษย์เราไม่สามารถย่อเวลา เราต่างเดินอยู่บนสายแห่งเวลาที่ไหลไปทางเดียว อดีตกลายเป็นปัจจุบัน กลายเป็นอนาคต หากไม่มีการประดิษฐ์เกวียน เราอาจไม่มีทางประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ เครื่องบิน ต่อไปถึงจรวด และอื่นๆ ที่เรายังไม่เคยฝันถึงในวันนี้

ประวัติศาสตร์เกิดขึ้นบนประวัติศาสตร์ ซ้อนทับต่อกันไป พัฒนาการของเราเกิดมาจากการทำงานหนักของคนรุ่นก่อน งานที่เราทำในวันนี้แม้จะล้มเหลว แต่จะเป็นรากฐานสำหรับความสำเร็จในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าเราอาจไม่ได้รับความดีความชอบนั้นโดยตรง อาจไม่ได้รับรางวัลโนเบล แต่จิ๊กซอว์แห่งปัญญาทุกชิ้นที่ทุกคนลงมือลงแรง จะร่วมประกอบเป็นภาพใหญ่ของการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของมนุษยชาติในวันหนึ่งข้างหน้า

แน่นอนใครๆ ก็อยากได้หน้า อยากรับการจารึกชื่อในบทเรียนวิชาประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้คนพบสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทว่าความภูมิใจอยู่ได้ไม่นานเท่าผลงาน เช่นที่ไม่มีใครในวันนี้สนใจว่าคนประดิษฐ์เกวียนสำเร็จเป็นครั้งแรกได้รับ การยกย่องแค่ไหนในยุคของเขา

มองย้อนกลับมาที่สังคมของเรา พบว่า 'เกวียน' หลายคันของเราไม่เคยกลายเป็นความจริง เพราะวัฒนธรรมการเมืองที่ตั้งบนความคิดที่จะเสาะแสวงหาเครดิตตลอดเวลา นั่นคือ "ถ้ากูไม่ได้ มึงก็ไม่ได้" หรือ "ถ้าโครงการนี้เริ่มโดยพรรคอื่น ก็ล้มมันเสีย"

โชคร้ายที่บ้านเราอุดมด้วยนักการเมืองที่มองทุกอย่างเป็นเครื่องมือหาเสียง แย่งชิงความดีความชอบเหมือนหมาแย่งกระดูก และสามารถนอนขวางการเปลี่ยนเกวียนเป็นจรวด



ยี่สิบกว่าปีในชีวิตการทำงานร่วมกับคนอื่น ผมเรียนรู้ว่า การทำงานเป็นทีมจะง่ายขึ้นมาก หากคุณกล้ายกความดีความชอบให้คนอื่น เมื่อเสร็จงานชิ้นหนึ่ง คุณอาจเดินไปตบไหล่ลูกทีมว่า "เออ! มึงเก่งว่ะ คิดได้ไงวะ" หรือพูดกับลูกค้าต่อหน้าทุกคนว่า "งานชิ้นนี้สำเร็จได้เพราะคุณ ก. คุณ ข. คุณ ค. หากไม่ได้พวกเขา งานไม่มีวันสำเร็จ"

เราจะเดินทางไปถึงดวงดาวไกลโพ้นก่อนเที่ยงคืนวันนี้ได้หรือไม่ ส่วนหนึ่งอาจอยู่ที่ว่าเราสามารถสลัดความรักหน้าตาของเราได้เพียงใด และสามารถยกย่องคนอื่นได้เต็มปากเพียงใด

หากเราสามารถทำเช่นนี้ได้ บางทีเราอาจได้ยินคำพูดนี้จากนักการเมือง"โครงการนี้รัฐบาลเก่าเริ่มไว้ดีแล้ว เราจะสานต่อไป"

เก็บความดีความชอบไว้กับตัวเองก็เหมือนนั่งกินโต๊ะจีนคนเดียว ไม่อร่อย เมตตาธรรมเป็นเครื่องชูรสที่ดีที่สุด

เพราะสำหรับคนที่รักงานที่ทำมากกว่าหน้าตัวเอง จุดหมายของการทำงานไม่ใช่เพื่อความดีความชอบ แต่คือความพึงใจที่ได้ทำงานชิ้นนั้นต่างหาก


วินทร์ เลียววาริณ
www.winbookclub.com

1 comment:

Aim said...

Good article! Thanks!